ล่าสุดทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า และสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่าได้มีการนำเอามาตรการขั้นเด็ดขาดออกมาใช้ด้วยประกาศแบนทีมฟุตบอลที่สังกัดอยู่ในรัสเซียไม่ว่าจะเป็นสโมสรฟุตบอลหรือทีมชาติก็ตามไม่ให้เข้าร่วมในการแข่งขันทุกรายการจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

     เพื่อตอบโต้ความรุนแรงที่รัสเซียใช้ต่อยูเครนซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีข้อยุติแต่อย่างใด หลังจากวลาดิเมียร์ ปูตินประธานาธิบดีประจำรัสเซียได้มีการออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหารบุกเข้าโจมตียูเครน มีหลายชาติที่ออกมาประณามการตัดสินใจใช้ความรุนแรงกับประเทศเพื่อนบ้านของผู้นำรัสเซีย หลังจากที่หลายชาติในฝั่งตะวันตกไม่ว่าจะเป็นเดนมาร์ก โปแลนด์ แอลเบเนีย เวลส์ อังกฤษ และนอร์เวย์ ประกาศที่จะไม่ขอส่งทีมนักเตะเข้าไปร่วมแข่งขันกับทีมรัสเซียด้วย ทางฟีฟ่าและยูฟ่าก็ได้ตัดสินใจกดดันรัสเซียต่อในทันที

     ในตอนแรกฟีฟ่าได้แถลงการณ์ว่าทีมชาติรัสเซียจะยังคงสามารถร่วมการแข่งขันได้ตามปกติแต่ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นสหภาพฟุตบอลรัสเซียและให้ใช้สนามแข่งขันของชาติที่มีความเป็นกลางโดยจะไม่มีการเชิญธงชาติรวมไปถึงเปิดเพลงชาติรัสเซียในการแข่งขัน ในขณะเดียวกันเองโปแลนด์ซึ่งเป็นทีมคู่แข่งของรัสเซียในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบเพลย์ออฟที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมในกรุงมอสโกได้ประกาศจุดยืนในการสนับสนุนยูเครนพร้อมทั้งไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของฟีฟ่า

     โดยพวกเขายังคงยืนกรานว่าจะไม่ลงแข่งขันกับทีมรัสเซียอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทางฟีฟ่าในยูฟ่าจึงได้ตัดสินใจร่วมมือกันใช้มาตรการเด็ดขาดในการแบนทีมรัสเซียออกจากการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการทั้งทีมชาติและระดับสโมสร หมายความว่าในการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้ทีมรัสเซียจะถูกคัดออกจากการแข่งขันอย่างแน่นอนจนกว่าจะมีเหตุการเปลี่ยนแปลง หนึ่งในช่วงของการแถลงข่าวระบุว่าฟุตบอลมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน เราขอยืนอยู่เคียงข้างผู้ได้รับผลกระทบในประเทศยูเครน ประธานาธิบดีของทั้งสองประเทศหวังว่าสถานการณ์ในยูเครนจะสามารถพัฒนาไปในทางที่ดีได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นฟุตบอลจึงสามารถนำพาสันติภาพและความเป็นปึกแผ่นกลับคืนสู่ผู้คนได้