หลังเกม อาร์เจนติน่า ลีก้า 2022 | ริเวอร์เพลท แพ้ ซาร์เมียนโต้ 1 - 2

เริ่มเกม ริเวอร์เพลท เป็นฝ่ายบุกกดดันอย่างหนัก ทว่ากลับเป็นทีมเยือนที่ได้ประตูออกนำก่อน 1-0 จากการยิงของ กีโด้ ไมเนโร่ ในนาทีที่ 31 และก่อนจบครึ่งแรกหนึ่งนาที เฟเดริโก้ อันเดซ่า บวกอีกประตู ส่งให้ทีมเยือนขยับหนีเป็น 2-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง เจ้าบ้านพยายามเร่งเกม ผ่านไปถึงนาทีที่ 67 เอมานูเอล มัมมาน่า ยิงให้เจ้าบ้านไล่กดดันมาเป็น 1-2 จากนั้นในช่วงเวลาที่เหลือ (68-90) ริเวอร์เพลท เป็นฝ่ายบุกอยู่ฝั่งเดียว ทว่าโอกาสยิง 10 ครั้งของพวกเขา ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ จบ 90 นาที ด้วยชัยชนะของ ซาร์เมียนโต้ 2-1
ทีมอันดับ 11 ริเวอร์เพลท ลงสนามในฟุตบอลอาร์เจนติน่า ลีก้า 2022 เกมที่ 11 พวกเขาเปิดสนาม มาส โมนูเมนทัล รับการมาเยือนของ ซาร์เมียนโต้ ทีมอันดับ 21
เริ่มเกม ริเวอร์เพลท เป็นฝ่ายบุกกดดันอย่างหนัก ทว่ากลับเป็นทีมเยือนที่ได้ประตูออกนำก่อน 1-0 จากการยิงของ กีโด้ ไมเนโร่ ในนาทีที่ 31 และก่อนจบครึ่งแรกหนึ่งนาที เฟเดริโก้ อันเดซ่า บวกอีกประตู ส่งให้ทีมเยือนขยับหนีเป็น 2-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง เจ้าบ้านพยายามเร่งเกม ผ่านไปถึงนาทีที่ 67 เอมานูเอล มัมมาน่า ยิงให้เจ้าบ้านไล่กดดันมาเป็น 1-2 จากนั้นในช่วงเวลาที่เหลือ (68-90) ริเวอร์เพลท เป็นฝ่ายบุกอยู่ฝั่งเดียว ทว่าโอกาสยิง 10 ครั้งของพวกเขา ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ จบ 90 นาที ด้วยชัยชนะของ ซาร์เมียนโต้ 2-1
ริเวอร์เพลท นั่งที่ 12 ซาร์เมียนโต้ ขึ้นที่ 16
หลังผ่านเกมที่ 11 ริเวอร์เพลท (ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 4) เก็บได้ 15 คะแนน อยู่อันดับ 12 ตามหลังท็อปไฟฟ์ 3 คะแนน โดยเกมที่ 12 ลูกทีมของ มาร์เซโล่ กัลญาร์โด้ มีคิวเดินทางไปเยือน อินดิเพนเดนเต้ ในวันที่ 8 สิงหาคม
ทางฝั่ง ซาร์เมียนโต้ หลังผ่าน 11 นัด เก็บเพิ่มเป็น 14 คะแนน (ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 5) ขยับมาอยู่อันดับ 16 ตามหลังพื้นที่ท็อปเท็น 2 คะแนน โดยเกมที่ 12 ลูกทีมของ อิสราเอล ดามอนเต้ มีคิวเปิดบ้านรับมือ ลานุส ทีมอันดับ 28 ในวันที่ 6 สิงหาคม
ไทม์ไลน์สำคัญของเกม
- ริเวอร์เพลท
- 67′ | 1-2 เอมานูเอล มัมมาน่า (ยิง) | ฮวน ควินเตโร่ (แอสซิสต์)
- เปลี่ยนตัว : โฮเซ่ ปาราเดล่า แทน เอเลียส โกเมซ (46′) , นิโคลาส เดอ ลา ครูซ แทน โรดรีโก อเลียนโดร (46′) , ฮวน ควินเตโร่ แทน อกุสติน ปาลาเวชิโน่ (61′) , เปาโล ดิอาซ แทน มิลตั้น คาสโซ่ (61′) , มาทิอัส ซัวเรซ แทน ลูคัส เบลทราน (69′)
- ใบเหลือง : มิลตั้น คาสโซ่ (27′)
- ซาร์เมียนโต้
- 31′ | 1-0 กีโด้ ไมเนโร่ (ยิง) | เฟอร์นานโด มาร์ติเนซ (แอสซิสต์)
- 44′ | 2-0 เฟเดริโก้ อันเดซ่า (ยิง) | กีโด้ ไมเนโร่ (แอสซิสต์)
- เปลี่ยนตัว : โฮนาธาน ตอร์เรส แทน ลิซานโดร โลเปซ (69′) , ฌอง ปิแอร์ รอสโซ่ แทน กีโด้ ไมเนโร่ (69′) , ฟรังโก้ ควินเตรอส แทน เฟอร์นันโด มาร์ติเนซ (90+1′)
- ใบเหลือง : เอมิเลียโน่ เมนเดซ (25′) , เซบาสเตียน เมซ่า (54′) , ลูคัส คาสโตร (82′)
สถิติหลังเกม
ริเวอร์เพลท ครองบอล 82.2% (ซาร์เมียนโต้ 17.8%) | โอกาสยิง 28:5 ครั้ง | ยิงเข้ากรอบ 4:3 ครั้ง | จ่ายบอล 715:157 ครั้ง | จ่ายบอลสำเร็จ 632:78 ครั้ง | ชนะลูกกลางอากาศ 15:21 ครั้ง | ปะทะชนะ 22:18 ครั้ง | เตะมุม 6:4 ครั้ง | ฟาล์ว 15:10 ครั้ง
โอกาสเยอะแต่ประตูน้อย สังเกตเห็นได้ชัดว่าการแข่งขันในครั้งนี้แมนยูน่าจะเอาชนะได้ไม่ยากเนื่องจากพวกเขามีโอกาสในการทำประตูอยู่แทบจะตลอดทั้งเกม แต่พวกเขากลับขาดความเฉียบคมในการทำประตูจนไม่สามารถทำได้สำเร็จอย่างน่าเสียดาย แถมยังมีจังหวะฟาวล์จนถูกริบประตูคืนไปอีกด้วย
การเป็นตัวสำรองของโรนัลโด้ สังเกตเห็นได้ชัดว่าหลายการแข่งขันที่ผ่านมานี้กุนซือมีความพยายามที่จะดรอปโรนัลโด้ให้เป็นนักเตะตัวสำรอง ทั้งที่ศักยภาพของเขามีมากพอที่จะสามารถพาทีมชนะได้แบบสบายๆ ในครั้งนี้ที่เรานั้นใด้เป็นตัวสำรองก็เป็นอีกครั้งที่แมนยูไม่สามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จแม้ว่าเจ้าตัวจะลงมากู้สถานการณ์ในภายหลังก็ตาม
ป๊อกบาซานโช่มีพัฒนาการ ป๊อกบาเป็นนักเตะที่เพิ่งหายบาดเจ็บแต่ในการแข่งขันครั้งนี้เขาสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างโดดเด่นเป็นอย่างมากถึงขั้นที่สามารถทำประตูขึ้นนำให้กับทีมได้สำเร็จเลยทีเดียว ในขณะที่น้องใหม่อย่างซานโช่ก็สามารถทำผลงานได้ดีเหมือนที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ว่าเขาจะสามารถโชว์ฟอร์มได้ในช่วงท้ายฤดูกาลหลังจากในตอนแรกที่ย้ายมาใหม่ผลงานค่อนข้างน่าผิดหวัง
ความหวังอันดับท็อปโฟร์ แมนยูรู้ตัวดีว่าพวกเขาคงไม่สามารถคว้าชัยชนะในรายการแข่งขันได้สำเร็จพวกเขาจึงคาดหวังว่าจะสามารถจบการแข่งขันพรีเมียร์ลีกได้ด้วยอันดับท็อปโฟร์ แต่การที่พวกเขาเสมอกับเบิร์นลี่ย์ในครั้งนี้มีโอกาสสูงที่ทีมอันดับ 5 อย่างเวสต์แฮมที่ตามหลังอยู่เพียงแค่ 1 คะแนนจะสามารถแย่งชิงอันดับ 4 ได้สำเร็จ
ติดตามเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติม : เรื่องฟุตบอลน่าสนใจ
ข้อมูลเพิ่มเติม : เพิ่มเติม