และที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือการแข่งขันในครั้งนี้เป็นการพบกันระหว่างนักเตะในสโมสรเดียวกันแต่ดันอยู่คนละทีมชาติอย่างซาดิโอ มาเน่จากทีมชาติเซเนกัลและโมฮาเหม็ด ซาลาห์จากทีมชาติอียิปต์ ในสโมสรใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกลิเวอร์พูลพวกเขานั้นเป็นเพื่อนกันที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาโดยตลอด การต้องมาพบกันในโปรแกรมทีมชาติจึงทำให้หลายคนสนใจไม่น้อยว่าพวกเขาจะมีรูปแบบการเล่นอย่างไร

     เมื่อต้องเจอกับเพื่อนที่รู้จักกันดีมากที่สุด การแข่งขันในครั้งนี้จบลงไปด้วยชัยชนะของทีมชาติเซเนกัลเป็นครั้งแรก และเป็นอีกครั้งที่ทีมชาติอียิปต์ต้องผิดหวังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ซาดิโอ มาเน่ได้มีการออกมาเปิดใจว่าหลังการแข่งขันตนเองเข้าไปปลอบเพื่อนสนิทอย่าโมฮาเหม็ด ซาลาห์ว่าอีกฝ่ายนั้นยอดเยี่ยมเกินกว่าที่จะมาเศร้ากับความพ่ายแพ้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเชื่อว่าเขาจะสามารถกลับมาในสภาพร่างกายที่มีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ได้อีกแน่นอน

    ทั้งหมดโมฮาเหม็ด ซาลาห์และซาดิโอ มาเน่ต่างก็ได้รับการยอมรับว่าพวกเขานั้นเป็นนักเตะชั้นยอดในแอฟริกาตั้งแต่เข้าสู่วงการฟุตบอลมาจนถึงในปัจจุบัน นอกจากจะสามารถทำผลงานได้ดีในฐานะทีมชาติแล้ว ผลงานในฐานะของนักเตะในสโมสรพวกเขาก็ยังสามารถทำได้ดีเช่นเดียวกัน เป็นนักเตะระดับโลกที่มาจากทวีปแอฟริกา แถมยังมาจากสโมสรเดียวกันนั่นก็คือลิเวอร์พูล ทำให้การแข่งขันแอฟริกัน เนชั่น คัพนัดชิงชนะเลิศได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

    หลังจบเกมเป็นที่เรียบร้อยแล้วมีคนสามารถจับภาพได้ว่าซาดิโอ มาเน่ได้เข้าไปปลอบโมฮาเหม็ด ซาลาห์แต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นพวกเขาพูดคุยอะไรกัน จนกระทั่งได้มีนักข่าวมาถามซาดิโอ มาเน่ว่าเขาพูดอะไรกับเพื่อน เจ้าตัวจึงได้ตอบกลับมาว่าตนเองพูดให้เขารู้สึกดีว่าตัวเขามีดีมากกว่านี้

     เขาเป็นแชมป์ตัวจริง และเขาเองก็รู้ดีว่าความพ่ายแพ้จะไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขามากอย่างที่คิด มันไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วตนเองรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่เข้มแข็งเป็นอย่างมากจนสามารถกลับมาในสภาพที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมได้